Main Menu

Recent posts

#1

สิ้นสุดการรอคอย TOYOTA COROLLA ALTIS รุ่น 1.6 G รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่คนตั้งหน้าตั้งตารอคอยมากที่สุด เพราะว่าโฉมนี้มีการปรับเปลี่ยนหลายอย่างให้มีความทันสมัย และดูโฉบเฉี่ยว ดุดันมากยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกที่เป็นสปอร์ต ยิ่งราคาเปิดตัวมาไม่ถึงล้าน แต่ว่าได้ของแบบจัดหนักจัดเต็ม งานนี้บอกเลยว่าคุ้มเกินคุ้ม ก่อนอื่นเราจะพาทุกท่านมาดูรายละเอียดของรถรุ่นนี้กันก่อน

ขุมกำลังของ TOYOTA COROLLA ALTIS รุ่น 1.6 G
TOYOTA COROLLA ALTIS รุ่น 1.6 G เป็นรุ่นเริ่มต้น รายละเอียดของเครื่องมีดังนี้

เครื่องยนต์
•   ใช้เครื่องยนต์ 2ZR-FBE 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ VVT-i
•   ปริมาตรความจุของกระบอกสูบอยู่ที่ 1,598 ซีซี
•   กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 92 แรงม้า ที่/ 6,050 รอบต่อนาที
•   แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ 156 / 5,200 นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที
•   ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร
•   อัตราประหยัดน้ำมัน 16 กิโลเมตร/ลิตร

ดีไซน์ภายนอก
TOYOTA COROLLA ALTIS รุ่น 1.6 G มาพร้อมกับไฟหน้าแบบฮาโลเจน ให้ความสว่างมากขึ้น ไฟส่องสว่างตอนกลางวัน และไฟท้ายแบบ LED กระจังด้านบนเป็นสีดำเงาพร้อมโครเมียม กระจกมองด้านข้างเป็นแบบไฟเลี้ยวในตัว และพับเก็บได้อัตโนมัติเมื่อจอด ที่ปัดน้ำฝนหน้าเป็นแบบหน่วงเวลา และตั้งเวลาได้

ดีไซน์ภายใน
TOYOTA COROLLA ALTIS รุ่น 1.6 G ได้เป็นเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์ทุกตำแหน่ง เบาะนั่งคนขับปรับสูงต่ำได้ มีกระเป๋าด้านหลังผู้โดยสารด้านหน้า พวงมาลัยปรับทิศทางได้ 4 ทิศ วัสดุตกแต่งคอนโซลเป็นแบบบุนุ่ม พร้อมตกแต่งด้วยเมทัลลิก ตกแต่งแผงประตูด้วยหนังสังเคราะห์ กระจกตรงหน้าต่างเป็นแบบอัตโนมัติ

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
TOYOTA COROLLA ALTIS รุ่น 1.6 G ได้ระบบเครื่องเสียง วิทยุ เป็นระบบสัมผัสบนหน้าจอขนาด 9 นิ้ว มีลำโพงทั้งหมด 4 จุด รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย พร้อม T-Connect มีช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12 โวลต์ สามารถเชื่อมต่อกับ Bluetooth รองรับการโทรและเล่นเพลงได้ มี Apple CarPlay และ Android Auto ระบบปรับอากาศในรถปรับอัตโนมัติ พร้มอกับช่องปรับอากาศตอนหลัง กระจกด้านหลังเป็นแบบปรับลดแสงสะท้อนได้
ระบบความปลอดภัยของ TOYOTA COROLLA ALTIS รุ่น 1.6 G

TOYOTA COROLLA ALTIS รุ่น 1.6 G ถอยหลังอย่างมั่นใจด้วยกล้องมองภาพขณะถอยหลังและสัญญาณเตือนระยะ 2 ตำแหน่ง ระบบเบรกแบบ ABS ป้องกันล้อล็อก และระบบกระจายแรงเบรกแบบ EBD ชุดเข็มขัดนิรภัยแบบรั้งกลับและผ่อนแรงได้ ไฟเบรกดวงที่ 3 เป็นแบบ LED สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-speed ช่วยในการควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัย 4 จุด การเปิดไฟสูงต่ำแบบอัตโนมัติ ระบบช่วยในการออกตัวเมื่ออยู่บนที่ลาดชัน

ราคา
TOYOTA COROLLA ALTIS รุ่น 1.6 G มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 894,000 บาท


เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ทำออกมาได้ดี สำหรับ TOYOTA COROLLA ALTIS รุ่น 1.6 G และตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ครบทุกด้าน รุ่นนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นก่อน เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างครบครัน แบบนี้ไม่ควรพลาดแล้ว และด้วยราคาไม่ถึงล้าน แต่ว่าได้ของจัดหนักจัดเต็ม ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในปี 2023 นี้เลย
#2

รถแนวสปอร์ต คือรถทรงในฝันของใครหลายคนที่อยากจะครอบครอง ด้วยรูปทรงที่สุดเท่ไม่เหมือนรถทั่วไป การตกแต่งที่ทำได้หลากหลายตามแต่ใจชอบ ยามขับขี่โฉบเฉี่ยวดุจพญาสิงโตบนท้องถนน ทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยราคาที่จัดสูง ทำให้หลายคนถอดใจไม่กล้าฝัน แต่ว่าในปี 2023 นี้ เป็นปีที่รถสปอร์ตออกมาจากท้องตลอดเยอะมากๆ ทำให้มีการตัดราคากันมากมาย จนกลายเป็นรถที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิม และจะมาแนะนำรถสปอร์ตที่น่าสนใจที่สุด ในราคาที่ไม่ถึง 1 ล้านบาทกัน

แนะนำ 4 รถสปอร์ตราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท

1.    BMW Z3 ราคาประมาณ 799,000 บาท
แม้ว่ารถจะออกมานานหลายปีแล้ว แต่จากการที่รถถูกออกแบบผลิตออกมาเป็นอย่างดี แล้วชื่อของค่ายรับประกันคุณภาพอยู่แล้วว่าคุ้มค่ามากแค่ไหน ในปี 2023 นี้ BMW Z3 ยังคงได้รับความนิยมไม่มีตก ส่วนราคามือ 2 สภาพดีพร้อมใช้ตอนนี้ไม่ถึง 1 ล้านบาทด้วยซ้ำ ด้วยเร็วของรถไม่ต้องพูดถึงด้วยเครื่องยนต์ที่มีตั้งแต่ขนาด 1.8L 114 แรงม้าจนถึงขนาด 3.2L 320 และยังเป็นรถที่ไม่ตกยุคเลยในปัจจุบัน

2.    Toyota Supra A80 ราคาประมาณ 750,000 บาท
รถสปอร์ตคันนี้ถูกผลิตขึ้นในช่วงปี 1993-2002 แต่เชื่อหรือไม่ว่าในปัจจุบันยังไม่ตกยุคไปไหนเลย ยังมีคนหากันอยู่ตลอด ส่วนเรื่องคุณภาพรับรองว่าสุดยอด ความดังของรุ่นนี้เกิดขึ้นจากการไปโผล่ในหนังเรื่อง Fast and Furious จากนั้นก็ได้รับความนิยมต้องการไปทั้งโลกทันที ความเร็ว แรงคือของจริง และนี่คือรถสปอร์ตที่หากได้มาครองจะต้องชอบแน่นอน

3.    Mazda RX-8 ราคาประมาณ 599,000 บาท
รถคันนี้มาจากมาสด้าซึ่งเป็นค่ายรถสปอร์ตพันธุ์แท้อีกค่าย แล้วรุ่นนี้ยังประสบความสำเร็จแบบสุดๆเมื่อออกมา เพราะด้วยความโดดเด่นอย่างมากที่สุดที่ทางค่ายได้ทำออกมา พร้อมประสิทธิภาพที่ดีที่สุดได้ใส่มาในรถแบบไม่มีกั๊กกันเลยทีเดียว หากกำลังมาหารถสปอร์ตคุณภาพดีประสิทธิภาพเยี่ยม ลองดูรุ่นนี้ไว้เป็นตัวเลือกไม่ผิดหวั'

4.    Honda Integra Type R DC5 ราคาประมาณ 950,000 บาท
แล้วรุ่นสุดท้ายในบทความนี้ที่อยากแนะนำสายสปอร์ต ก็คือรุ่นนี้จากค่ายยอดนิยมอย่าง Honda เป็นรถสปอร์ต 2 ประตู ที่แต่งมาครบๆจัดเต็มสวยเด่น การันตีจากด้วยสัญลักณ์ Type R ออฟชั่นมาครบชุดไม่ต้องไปแต่งเพิ่มอะไรมากแล้ว ความเร็วแรงของรถที่มี เทียบได้กับรถแข่งเลยทีเดียว นี่คือรถทรงสปอร์ตที่คุ้มค่ากับการเป็นเจ้าของกับราคามือ 2 ตอนนี้ที่ไม่ถึง 1 ล้านบาท
#3

เกาะสมุย นับว่าเป็นหนึ่งในเกาะที่สวยงามมากๆในประเทศไทย ทั้งยังโด่งดังไปไกลทั่วโลก มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากในแต่ละปี เดิมทีที่นี่มีความโดดเด่นสวยงามมากอยู่แล้วในหลายๆจุดภายในเกาะ แต่ปัจจุบันปี 2023 ยิ่งดีกว่า เมื่อมีการปรับปรุงพร้อมพัฒนาหลายๆด้านไปพร้อมกัน จึงอยากจะมาแนะนำ 7 จุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวที่เกาะสมุยแห่งนี้

7 จุดเช็คอินไม่ควรพลาดที่เกาะสมุย 2023

1.   อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ถือว่ายอดนิยมมากๆสำหรับคนที่มาเที่ยวที่เกาะสมุย เป็นจุดดำน้ำดูปะการังที่งดงามากๆ น้ำใสสะอาดตาตั้งแต่อยู่บนเรือกันเลยทีเดียว และถึงจะไม่ใช่สายดำน้ำแค่นั่งเรือมาชมธรรมชาติของที่นี่ก็คุ้มค่าไม่ต่างกัน

2.   The roof samui
ร้านอาหาร&คาเฟ่ที่ไม่ควรพลาดจริงๆ เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยถูกปากแล้ว ที่นี่ยังมีวิวที่สุดยอดรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย สามารถมองเห็นได้ทั่วเกาะแบบ 360 องศา ที่มั่นใจได้เลยว่าภาพตรงหน้ามันสวยเกินบรรยายแน่นอน แล้วยังไปที่นี่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งไม่ว่าจะไปช่วงไหนก็ต้องประทับใจ 100%

3.   หินโอเวอร์แลป
จุดที่เที่ยวหนึ่งเดียวในไทยที่หาไม่ได้แล้ว หินโอเวอร์แลป เป็นหินที่ตั้งซ้อนกันด้วยรูปร่างที่ผิดธรรมชาติ แต่ว่าไม่ร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงอย่างน่าเหลือเชื่อ และทุกวันนี้ที่นี่ได้กลายเป็นจุดถ่ายรูปสุดสวย เพราะวิวด้านหลังคือวิวรอบเกาะสมุยนั่นเอง วิวข้างหลังเห็นทั้งท้องทะเลสีฟ้า กับท้องฟ้าที่สุดสวย จึงส่งให้ที่นี่เป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

4.   หาดละไม
หาดชื่อดังของเกาะสมุย สาเหตุที่หาดแห่งนี้ดังมากๆ เพราะมันสวยงามของจริง ทั้งบรรยากาศดีเงียบสงบ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยโดนใจ พร้อมยังมีกิจกรรมอีกมากมายรอต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบจัดหนักจัดเต็ม เช่น พายเรือคายัก กับ พายเรือใบ เป็นต้น หากกำลังมองหาหาดสวยๆมาพักผ่อน มาที่นี่ไม่ผิดหวัง

5.   ถนนคนเดินบ่อผุด
หลังจากไปท่องเที่ยวกันมารอบเกาะในช่วงกลางวันแล้ว ตกเย็นสามารถมาเดินพักผ่อนสบายๆ หาของกินอร่อยๆกันได้ที่ถนนคนเดินบ่อผุด ซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองเดินทางง่าย โดยตลาดแห่งนี้คงความดั้งเดิมเอกลักษณ์เอาไว้อย่างครบถ้วน เป็นย่านเก่าที่มีเสน่ของเกาะสมุยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่เก่าแก่ อาหารต่างๆที่หากินได้ยากในปัจจุบัน เดินกันเพลิดเพลินจนลืมเวลาแน่นอน

ทั้งหมดคือ 5 จุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวยังเกาะสมุย แต่ใช่ว่าที่อื่นๆจะไม่ควรไป เพราะแต่ละแห่งแต่ละสถานที่ต่างมีความโดดเด่นน่าสนใจเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น และหากไม่รู้จะไปเที่ยวไหน เกาะสมุยแห่งนี้จะสร้างความประทับใจได้แน่นอน
#4

หาดจอมเทียน อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัด ชลบุรี และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเยอะเหมือนกัน เรื่องของความสวยงามของหาด บรรยากาศ และน้ำทะเล บอกเลยว่าไม่แพ้ที่ใดแน่นอน มาที่นี่ที่เดียว คุณสามารถทำกิจกรรมได้หลายชนิด วันนี้เราเลยมาบอกทุกท่านเกี่ยวกับรายละเอียดของ หาดจอมเทียน เพื่อเป็นข้อมูลก่อนเที่ยวจริง

กิจกรรมที่น่าสนใจ
สำหรับ หาดจอมเทียน เป็นหาดที่ไม่ได้อยู่ห่างจากกรุงเทพเท่าไหร่ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น และอยู่ห่างจากพัทยาเพียงแค่ 4 กิโลเมตร ลักษณะของหาดเป็นหาดทรายยาว ค่อนข้างจะเงียบสงบ แม้ว่าจะอยู่ใกล้กับเมืองใกล้กรุงเทพ แต่ว่าธรรมชาติบนหาดแห่งนี้ ยังถือว่ามีความสมบูรณ์พอสมควร ยิ่งใครที่ไม่อยากจะวุ่นวาย อยากจะเที่ยวในสถานที่ที่เงียบสงบ สวยงาม มาที่หาดจอมเทียนไม่มีผิดหวังแน่นอน มาดูว่ากิจกรรมที่นี่มีอะไรบ้าง
•   กิจกรรมทางน้ำ คนที่ชอบความท้าทาย อยากจะเล่นกิจกรรมทางน้ำ เช่น เจ็ตสกี พาราชู๊ต เล่นน้ำ บานาน่าโบ้ท บอกเลยว่าไม่มีควรพลาด ที่นี่มีให้คุณเล่นทุกชนิด ซึ่งก่อนจะเล่นก็ควรสำรวจก่อนว่าตอนนั้นมีแมงกระพรุนหรือไม่ หรือมีมรสุมหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับตัวเรา
•   ตลาดเย็นหาดจอมเทียน ที่หาดจอมเทียนมีตลาดตอนเย็นให้นักท่องเที่ยวได้เดินชม เลือกซื้อของ มีของมากมายให้เลือกซื้อ ตั้งแต่อาหาร ของฝาก และเสื้อผ้า ซึ่งอาหารที่นี่ ก็มาจากชาวประมงโดยตรง ทำให้ได้ความสดใหม่ตลอดเวลา และตอนนี้นักท่องเที่ยวก็มีจำนวนมากขึ้น มาเที่ยวที่ตลาดแห่งนี้
•   ตลาดพื้นบ้าน เป็นตลาดที่ขายกันตอนเช้า ประเภทของที่นำมาขายที่ตลาดแห่งนี้ ก็จะเป็นอาหารทะเลสดๆ ที่เพิ่งรับมาจากชาวประมง ใครที่อยากจะได้อาหารทะเลสดๆ เอาไว้ทำอาหารกินเอง แนะนำว่าเข้ามาที่ตลาดแห่งนี้ คุณจะได้อาหารทุกชนิดเลยแหละ ราคาของสินค้าที่ขายที่นี่ ก็ไม่แพงเท่าไหร่ ลูกค้าที่เดินทางมาซื้อ ส่วนมากก็เป็นร้านค้าต่างๆ นั่นเอง
การเดินทาง
วิธีการเดินทางเพื่อมาเที่ยวที่หาดจอมเทียน ถือว่าสะดวกมาก ห่างจากกรุงเทพเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น เดินทางมาได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถจักรยานยนต์ หรือนั่งรถโดยสารก็สะดวก

ค่าบริการในการเข้าชม
ฟรี

ที่พักและอาหาร
ที่หาดจอมเทียน มีที่พักหลายประเภทและหลายราคาให้เลือก มีทั้งแบบติดทะเล ไม่ติดทะเล แบบคนเดียว เป็นคู่ หรือเป็นครอบครัว ราคาก็จะแตกต่างกันออกไป ส่วนอาหารก็ถือว่าเยอะมาก ริมชายหาด และบริการใกล้เคียง มีร้านอาหารอร่อยๆ เยอะ รวมถึงร้านตามรถเข็น ก็อร่อยไม่แพ้กัน หรือท่านใดที่อยากจะนั่งบาร์ฟังเพลงสบายๆ ที่นี่ก็มีให้เช่นกัน

พิกัดของ หาดจอมเทียน
ตั้งอยู่ใน ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
#5

ประวัติ ไมเคิล โอลิเซ่ แนวรุกสัญชาติฝรั่งเศสของ คริสตัล พาเลซ
ทีมชาติ : ฝรั่งเศส U21 7 นัด – 1 ประตู (ยังไม่ติดทีมชาติชุดใหญ่)
สโมสรปัจจุบัน : คริสตัล พาเลซ 76 นัด -6 ประตู (2021-?)

ไมเคิล โอลิเซ่ เกิดวันที่ 12 ธันวาคม 2021 ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นเล่นฟุตบอล ระดับเยาวชนกับสโมสร อาร์เซน่อล ในปี 2009 จากนั้นในปีเดียวกัน ย้ายสู่อคาเดมี่ของ เชลซี (2009-2016) แล้วไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2016-2017) ต่อด้วยการไปอยู่กับ เรดดิ้ง ในปี 2017 แล้วได้รับโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของ เรดดิ้ง ในฤดูกาล 2018/19 โดยได้ลงเล่น 4 นัด – 0 ประตู

ฤดูกาล 2019/20 ไมเคิล โอลิเซ่ ได้รับโอกาสมากขึ้น โดยในช่วง 32 นัดแรกของซีซั่น โอลิเซ่ได้ลงเล่นแค่ 5 นัด แต่ในช่วง 14 นัดสุดท้าย ได้ลงเล่นทุกนัด รวมแล้วได้ลงเล่น 19 นัด ยิง 0 ประตู แล้วมี 1 แอสซิสต์ ในเกมชนะ ฟูแล่ม 4-1 แล้วมีอีก 1 แอสซิสต์ ในฟุตบอลเอฟเอคัพ ที่เสมอ แบล็คพูล 2-2

ฤดูกาล 2020/21 ไมเคิล โอลิเซ่ กลายเป็นแกนหลักของ เรดดิ้ง แบบเต็มตัว เริ่มต้นฤดูกาลนัดแรกด้วย 1 แอสซิสต์ ในเกมชนะ ดาร์บี้ 2-0 ต่อเนื่องด้วยการยิง 1 ประตู ในเกมชนะ บาร์นสลีย์ 2-0 และจ่ายอีก 1 แอสซิสต์ในเกมชนะ คาร์ดิฟ 2-1 จากนั้นยังพาทีมเก็บคะแนนอย่างต่อเนื่อง ผ่าน 8 นัด (ชนะ 7 เสมอ 1) แต่หลังจากนั้น ผลงานของ เรดดิ้ง แผ่วลงไป แต่ผลงานส่วนตัวของ โอลิเซ่ ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี จบฤดูกาลดังกล่าวเขายิง 7 ประตู จากการลงเล่นแชมป์เปียนชิพ 44 นัด พาทีมจบที่อันดับ 7

ฤดูกาล 2021/22 คริสตัล พาเลซ จ่ายเงิน 8 ล้านปอนด์ ซื้อตัว ไมเคิล โอลิเซ่ ขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีก เปิดตัวนัดแรกในวันที่ 11 กันยายน 2021 (พรีเมียร์ลีก นัดที่ 4) ในเกมชนะ สเปอร์ 3-0 โดยลงไปแทนที่ จอร์แดน อายิว ในนาที 86 จากนั้นในวันที่ 3 ตุลาคม 2021 (พรีเมียร์ลีก นัดที่ 7) โอลิเซ่ยิง 1 ประตู ในเกมเสมอ เลสเตอร์ 2-2 โดยลงเป็นสำรองในนาที 53 แทนที่ของ จอร์แดน อายิว

8 มกราคม 2022 โอลิเซ่ ยิง 1 ประตู จ่าย 1 แอสซิสต์ ใส่ มิลวอลล์ (ชนะ 2-1) ในเอฟเอคัพ รอบ 3 ต่อด้วยการยิงอีก 1 ประตู ใส่ ฮาร์ทลี่พูล (ชนะ 2-0) ในเอฟเอคัพ รอบที่ 4 พาทีมเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ เชลซี 0-2 จอดป้ายแค่รอบนั้น

ฤดูกาล 2022/23 ไมเคิล โอลิเซ่ พลาดการลงเล่นพรีเมียร์ลีกแค่นัดเดียว (ตัวจริง 31 สำรอง 6) ยิง 2 จ่าย 11 แอสซิสต์ หนึ่งในนั้นคือการจ่าย 3 ลูก ในพรีเมียร์ลีก นัดที่ 31 ที่เอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 5-1 ส่วนสองประตูที่ยิงได้นั้น เป็นการยิงใส่ เวสต์แฮม (ชนะ 2-1) และ แมนฯ ยูไนเต็ด (เสมอ 1-1)
#6

กลายเป็นตัวหลัก ที่ทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะขาดไปไม่ได้เลย นั่นก็คือ บรูโน่ เฟอร์นานเดส กองกลางที่มากความสามารถ และตั้งแต่ที่เขาอยู่กับทีมมา ก็ช่วยทีมได้ตลอด สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีช่วงไหนที่ฟอร์มของเขาดรอปลงเลย ลองมาดูความเป็นมาของกองกลางคนนี้กันดู

ชื่อเต็ม บรูโน่ มิเกล บอร์เกส เฟอร์นานเดส
วันเกิด 8 กันยายน 1994 (26 ปี)
สถานที่เกิด เมืองไมยา ประเทศโปรตุเกส
ส่วนสูง 179 เซนติเมตร
ตำแหน่ง กองกลาง

เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ บรูโน่ เฟอร์นานเดส

บรูโน่ เป็นเด็กที่ชื่นชอบฟุตบอลมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งชีวิตของเขามีแต่ฟุตบอลอย่างเดียว เมื่อปี 2002-2004 เขาก็ได้เริ่มต้นของการเป็นนักฟุตบอลแล้ว โดยเล่นให้กับสโมสร อินเฟสต้า ด้วยการเล่นในฐานะทีมเยาวชน เจ้าตัวก็ได้มีการพัฒนาฝีเท้ามาเรื่อยๆ หลังจากปี 2004 เขาได้อำลาทีมเดิม และเข้ามาเล่นให้กับ เบาวิสตา สโมสรที่มีชื่อเสียงของโปรตุเกส

แม้ว่าฟอร์มของ บรูโน่ เป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขากลายเป็นตัวจริงในชุดใหญ่ได้ หลังจากที่อยู่กับทีมแล้วไม่ค่อยได้ลง บรูโน่ ก็ถูกก ปาสตีไรล่า ยืมตัวไปเป็นเวลาถึง 5 ปี แล้วกลับมาที่ถิ่นเดิมอีกครั้ง และได้เล่นให้กับ เบาวิสตา อีก 2 ปี

เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัว เริ่มต้นเมื่อ บรูโน่ ได้เข้ามาเล่นให้กับทีม โนวาร่า จากอิตาลี หลังจากที่มีโอกาสได้ลงเล่น ในที่สุด บรูโน่ ก็ก้าวมาเป็นผู้เล่นในฐานะตัวจริงได้เลย ระหว่างที่อยู่กับทีม ฝีเท้าของเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ทีมของกัลโซ อูดิเนเซ่ ดึงตัวไปร่วมทีมด้วย จากนั้นก็ย้ายไปย้ายมาอีก 2 ครั้ง คือไปเล่นให้กับ ชาพ์มโดเรีย และ สปอร์ติงลิสบอน ยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกส

และที่ สปอร์ติงลิสบอน เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากจบฤดูกาลปี 2018-2019 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็แสดงออกว่าอยากจะได้ตัวของ บรูโน่ มาร่วมทีมด้วย แต่ยังติดสัญญาอยู่ หลังจากนั้นอีก 1 ปี ในปี 2020 เขาก็ได้ย้ายมาเล่นให้กับทัพปีศาจแดง และพิสูจน์ตัวเองได้ตั้งแต่การลงเล่นครั้งแรก ด้วยการทำผลงานดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในสภาพไร้ความหวัง ให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง ด้วยฝีเท้าของชายคนนี้นี่เอง เรียกว่าพลิกทีมจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย

รางวัลส่วนตัว

•   นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของลีกโปรตุเกส ปี 2017/2018 , 2018/2019
•   ติดทีมยอดเยี่ยมของศึกยูโรปา ลีก ปี 2017/18 , 2018/2019
•   ติดทีมยอดเยี่ยมของศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ปี 2019
•   นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2019/2020
•   ดาวซัลโวศึกยูโรปา ลีก ปี 2019/2020
#7

บูคาโย่ ซาก้า แนวรุกทีมชาติอังกฤษของ อาร์เซน่อล
ทีมชาติ : อังกฤษ 28 นัด ยิง 11 ประตู (2020-?)
สโมสรปัจจุบัน : อาร์เซน่อล 182 นัด ยิง 39 ประตู (2018-?)

บูคาโย่ ซาก้า (Bukayo Saka) เกิดวันที่ 5 ตุลาคม 2001 ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นเล่นฟุตบอล ระดับเยาวชนกับ อคาเดมี่ของสโมสร อาร์เซน่อล ช่วงปี 2008 แล้วถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2018 เปิดตัวในฤดูกาล 2018/19 ด้วยการได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก 1 นัด

ฤดูกาล 2019/20 บูคาโย่ ซาก้า พลาดการลงเล่นใน 5 นัดแรกของฤดูกาล โดยไม่มีชื่อใน 4 นัด แล้วเป็นสำรองอีก 1 นัดแต่ไม่ได้ลงสนาม ก่อนจะได้รับโอกาสในวันที่ 22 กันยายน 2019 ได้ลงเล่นตัวจริงในตำแหน่งปีกซ้าย แล้วปีกขวาเป็น นิโคลาส เปเป้ ส่วนหน้าเป้าเป็น เอเมริค โอบาเมยอง ซาก้าถูกเปลี่ยนตัวในนาที 46 ขณะที่ทีมตามหลัง 0-1 แล้วจบเกมนั้น อาร์เซน่อล ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-2

หลังจากเกมนั้น บูคาโย่ ซาก้า ยังได้รับโอกาสเรื่อยมา ผ่านไปถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2019 พรีเมียร์ลีก นัดที่ 33 ซาก้ายิง 1 ประตูช่วยให้ทีมชนะ วูล์ฟแฮมป์ตั้น 2-0 แล้วจบฤดูกาลนั้น ด้วยการลงเล่น 38 นัดรวมทุกรายการ ยิง 4 ประตู จ่าย 12 แอสซิสต์ มีส่วนในการพาทีมคว้า แชมป์เอฟเอคัพ 2019/20 มีส่วนร่วม 4 นัด แต่ไม่ได้ลงเล่นรอบรองฯ และรอบชิงชนะเลิศที่ชนะ เชลซี 2-1

ฤดูกาล 2020/21 บูคาโย่ ซาก้า เริ่มต้นด้วยการยิงประตูชัยให้ทีมชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 ในเกมลีกนัดที่ 4 จากนั้นเป็นแกนหลักของทีมตลอดทั้งฤดูกาล ยิงประตูใส่ทั้ง เชลซี เวสบรอมวิช นิวคาสเซิล และ เซาแธมป์ตั้น จบฤดูกาลนั้นด้วยการยิงในพรีเมียร์ลีก 5 ประตู จาก 32 นัด พร้อมมีส่วนสำคัญในการพา อาร์เซน่อล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลยูโรป้าลีก 2020/21 น่าเสียดายที่แพ้ให้กับ บีญาร์เรอัล สกอร์รวม 1-2 (ตัวจริง 8 นัด สำรอง 1)

ฤดูกาล 2021/22 บูคาโย่ ซาก้า กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ อาร์เซน่อล จะขาดไม่ได้ เขาไม่พลาดเกมลีกแม้แต่นัดเดียว ยิง 11 ประตู จ่าย 7 แอสซิสต์ เป็นดาวซัลโวของสโมสร แต่ไม่อาจพาทีมไป UCL ได้ จบเพียงอันดับ 5 เท่านั้น แต่นี่คือฟอร์มที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ค้าแข้งมา

ฤดูกาล 2022/23 บูคาโย่ ซาก้า ยังคงเป็นแกนหลักของ อาร์เซน่อล สร้างความอันตรายทางริมเส้น ยิงประตูและแอสซิสต์ได้อย่างต่อเนื่อง นั่นรวมไปถึงการยิง 2 ประตู ในวันที่ 9 ตุลาคม 2022 ช่วยให้ อาร์เซน่อล เอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-2 นำเป็นจ่าฝูงหลังผ่านไป 10 นัด หลังจากนั้น ซาก้าและผองเพื่อนก็ช่วยกันเก็บคะแนน พาปืนใหญ่นำเป็นจ่าฝูงไปถึงช่วงท้ายฤดูกาล แต่โชคร้ายที่โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงคว้าแชมป์ 5 คะแนน
ฤดูกาล 2023/24 บูคาโย่ ซาก้า ยังอยู่กับ อาร์เซน่อล ลงเล่น 3 นัดรวมทุกรายการ ยิง 1 ประตู จ่าย 1 แอสซิสต์
#8

กาลครึ่งหนึ่งแฟนบอลทั่วโลกคอยตกตะลึงพร้อมไม่เชื่อสายตาตัวเองมาแล้ว ว่าจะมีทีมไหนที่รวบรวมเอาสุดยอดนักเตะแห่งยุคไปรวมกันเอาไว้ที่เดียวได้ แต่ว่า เรอัล มาดริด สุดยอดทีมแห่งสเปนทำมาแล้ว โดยตั้งชื่อชุดในตำนานนี้เอาไว้ว่า "ยุคกาลาคติกอส" ที่ไม่มีแล้วจะมีทีมไหนมาเลียนแบบทำตามพวกเขาได้ โดยบทความนี้จะมาย้อนถึงชุดตำนานชุดนั้นกันว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ช่วงไหน แล้วมีนักเตะคนไหนอยู่บ้าง

ต้นกำเนิดของ ทีมตำนานกาลาคติกอส

เดิมที เรอัล มาดริด เป็นทีมที่มีซูปเปอร์สตาร์เยอะอยู่แล้ว แต่อยู่มาวันหนึ่งประธานสโมสรของทีมในเวลานั้น เกิดความคิดที่ไม่มีใครกล้าคิด ในการสร้างทีมที่ดีที่สุดในแต่ละตำแหน่งของโลกขึ้นมา จนกระทั่งทำมันสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ จนกลายเป็นทีมฟุตบอลระดับตำนานที่จะอยู่เคียงข้างกับโลกใบนี้ไปตลอดกาล ซึ่งจะมาย้อนดูกันว่าทีมในชุดนี้มีใครกันบ้างทั้ง 11 ตัวจริงและตัวสำรอง

- ผู้รักษาประตู - อิเคร์ กาซิยาส นี่คือมือกาวระดับท็อปของโลกในเวลานั้นอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นตำนานของสโมสรที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน
- แบ็คขวา - มิเชล ซัลกาโด้ ในยุคนั้นของตำแหน่งนี้ เขาคือคนที่ได้รับการยอมรับว่าสุดยอดไม่แพ้ใครเหมือนกัน
- แบ็คซ้าย - โรแบร์โต้ คาร์ลอส แบ็คซ้ายระดับโลกที่สุดยอดที่สุดอย่างแท้จริง มีเอกลักษณ์คือการยิงลูกฟรีคิกที่รุนแรง และยังคงถูกกล่าวถึงอยู่เรื่อยๆในทุกวันนี้
- เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ - อิบัน เอลเกร่า อาจจะไม่ได้ถูกยกย่องมากมายนัก แต่หากวัดกันที่ความสามารถฝีเท้า นี่คือนักเตะแนวรับที่สมบูรณ์แบบ
- กองกลาง - ซีเนดีน ซีดาน&หลุยส์ ฟิโก้ 2 สุดยอดซูปเปอร์สตาร์แห่งยุค ที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาร่วมทีมกันได้ แล้วความสามารถที่เบี่ยมล้นของพวกเขาทั้งคู่ ได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมให้กับทีมขึ้นมาในทุกๆนัด
- ปีกขวา - เดวิด เบ็คแฮม นี่คือขวัญใจแฟนบอลทั่วโลกอย่างแท้จริง การย้ายมาราชันชุดขาวในช่วงเวลานั้น คือเรื่องเซอร์ไพรส์แบบสุดๆ เพราะเขาคือไอดอลของแมนยู และการมาอยู่ในทีมชุดนี้เป็นเรื่องที่สุดยอดมาก   
- กองหน้า – โรนัลโด้ & ราอูล 2 คู่หูในแดนหน้าที่อยู่ในระดับท็อปของโลกอย่างแท้จริงในช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะ โรนัลโด้ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องตลอดกาลของโลกลูกหนังเลยทีเดียว เช่นกันกับ ราอูล ที่พร้อมจะยิงประตูคู่แข่งทุกเวลาด้วยทักษะที่สุดยอดในตัวเขา
#9

ในวงการบาสเกตบอล รายการที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในโลกก็คือศึก NBA ของประเทศสหรัฐอเมริกา ต้นกำเนิดของกีฬาชนิดนี้ แล้วยังเป็นแห่งร่วมนักบาสชั้นนำของโลกเอาไว้อีกมากมาย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม NBA ถึงมีแฟนๆติดตามทั่วทุกมุมโลกที่เยอะมากๆ แล้วพอมีการแข่งขันเมื่อไหร่ แต่ละสนามจะเต็มไปด้วยแฟนๆที่เข้ามารับชมอย่างเนืองแน่น และด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นระดับสูง ทำให้มีเพียงไม่กี่ทีมเท่านั้นในประวัติศาสตร์ที่ดีพอจะก้าวไปคว้าแชมป์ในบั้นปลาย และนี่คือ 5 อันดับของทีมที่คว้าแชมป์ NBA ได้มากที่สุด

5 อันดับทีมที่คว้าแชมป์ NBA ได้มากที่สุด

5. ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส
ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส อีกหนึ่งทีมแกร่งชื่อดังของลีก มีผลงานที่เยี่ยมยอดมาตลอด จนก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ถึง 5 สมัย ในปี 1999, 2003, 2005, 2007 และครั้งล่าสุดคือ 2014 แต่การร้างแชมป์มาอย่างยาวนานเกือบ 10 ปี ทำให้แฟนๆต่างเฝ้ารอคอยที่ทีมจะเถลิงบัลลังค์แชมป์อีกครั้งให้ได้

4. ชิคาโก้ บูลส์
ผลงานของ ชิคาโก้ บูลส์ แข็งแกร่งสุดๆในยุค 90 เมื่อกวาดแชมป์มาครองได้ถึง 6 สมัยด้วยกัน ประกอบด้วยปี 1991, 1992, 1993, 1996, 1997 และ 1998 แล้วนี่คือทีมเดียวในประวัติศาสต์ของ NBA ที่เข้าชิงเมื่อไหร่ชนะรวด 100% แต่พอเข้าสู่ยุค 2000 ทีมก็ไม่เคยประสบความสำเร็จได้อีกเลย

3. โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส

อันดับ 3 คือทีม โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส ที่ครองแชมป์ไปได้ 7 สมัยคือปี 1947, 1956, 1975, 2015, 2017, 2018 และ 2022 โดยนี่คือทีมล่าสุดที่คว้าแชมป์มาครองได้ ต้องคอยจับตาดูว่าในปี 2023 นี่ ทีมจะป้องกันแชมป์ได้หรือไม่

อันดับ 1 มี 2 ทีมที่คว้าแชมป์ได้เท่ากันคือ บอสตัน เซลติกส์ & แอลเอ เลเกอร์ส
สำหรับทั้ง 2 ทีมชื่อดังที่มีฐานแฟนๆที่เยอะมากๆนี้ ครองแชมป์ได้สูงสุดของ NBA เท่ากันคือ 17 สมัย เริ่มที่ บอสตัน เซลติกส์ ซึ่งมีช่วงหนึ่งแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ทะลุเข้าชิงชนะเลิศได้ถึง 8 ปีซ้อน กลายเป็นทีมแรกที่ทำได้ แล้วในรอบ 13 ปี ยังครองแชมป์ได้ถึง 11 สมัย เป็นช่วงเวลาที่ทีมแข็งแกร่ง และแชมป์ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2008 ด้านฝั่งของ แอลเอ เลเกอร์ส ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมครองแชมป์มากที่สุดย่อมไม่ธรรมดา เป็นทีมน่ากลัวอยู่เสมอใน NBA มีซูปเปอร์สตาร์อยู่ในทีมมาตลอดไม่เคยขาด แล้วแชมป์ครั้งล่าสุดที่ทำได้คือปี 2020 ซึ่งนำทัพโดย เลอบรอน เจมส์ หนึ่งในนักบาสที่เยี่ยมยอดที่สุดตลอดกาลคนหนึ่งของ NBA และของโลกเลยทีเดียว
#10

เชียงคาน เป็นสถานที่ที่หลายคนชื่นชอบ มาแล้วจะต้องกลับมาอีกด้วยความประทับใจ เพราะที่นี่เมื่อได้มาสัมผัสในแต่ละครั้ง จะเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่อาจจะไม่ได้แตกต่างจากครั้งแรกมากนัก แต่มันให้ความรู้สึกที่พิเศษอย่างบอกไม่ถูก ที่นี่จะยอดนิยมมากๆในช่วงหน้าหนาว เมื่อจะพบกับอากาศที่เย็นฉ่ำสดชื่นแสนสบาย การได้นั่งมองริมฝั่งโขงกับอากาศที่แสนบริสุทธิ์ มันคือความสุขอย่างที่หาที่ไหนได้ยาก แล้วที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมายหลายอย่าง ซึ่งจะมาแนะนำให้รู้จักกันในวันนี้

กิจกรรมสุดฟินเมื่อมาเชียงคาน

1.ถนนคนเดียวเชียงคาน
ถนนคนเดินที่นี่นับว่าเป็นถนนคนเดินที่เพลินที่สุดในประเทศไทยแห่งหนึ่ง สถานที่ตั้งอยู่ริมฝั่งโขง เป็นเส้นทางยาวเกือบ 2 กิโลเมตร ที่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมายอยู่เต็มไปหมด มีอาหารท้องถิ่นที่หาที่ไหนไม่ได้ แถมหากมาช่วงหน้าหนาวจะยิ่งฟินกับอากาศที่เย็นฉ่ำ เดินไปกินไปมันเป็นอะไรที่ดีต่อใจแบบสุดๆ

2.ภูทอก
เมื่อมาเชียงคานแล้ว อีกอย่างที่จะพลาดไม่ได้ คือการขึ้นไปยังภูทอก สถานที่ชมหมอกได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว การเดินทางสะดวกง่ายดาย ที่นี่มีระดับความสูงจากน้ำทะเลราวๆ 500 เมตร และขอบอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวังแน่นอนหากขึ้นมาชมวิวที่นี่ยังภูทอก

3.แวะเที่ยวแก่งคุดคู้
แก่งคุดคู้คืออีกหนึ่งที่เที่ยวที่ยอดฮิตอีกแห่งเมื่อมาเชียงคาน ที่นี่เป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ริมฝั่งโขง ที่สามารถลงไปถ่ายรูปใกล้ๆได้ ไปชื่นชมความสวยงามแสนสดชื่นของแม่น้ำโขงได้อย่างใกล้ชิด ทั้งริมฝั่งยังมีร้านอาหารพร้อมร้านของฝากที่จะซื้อกลับบ้านอยู่เต็มไปหมด หรือจะอยากนั่งพักผ่อนสบายๆ ก็มีสถานที่จัดเตรียมไว้ตามที่ต่างๆไว้พร้อมเหมือนกัน

4.สกายวอร์ค ณ เชียงคาน
สกายวอร์คที่นี่มีความพิเศษไม่เหมือนที่ไหนๆ เพราะได้ตั้งอยู่ยังจุดแรกที่แม่น้ำโขงไหลผ่านเข้าสู่ดินแดนภาคอีสานของประเทศ ทั้งยังมีความสูงเหนือกว่าระดับน้ำโขงราวๆตึก 30 ชั้น ที่จะได้เห็นความสวยงามของที่นี่กันอย่างเต็มตาจุใจ กับทางเดินใสสะอาดที่มองเห็นเบื้องล่างได้อย่างชัดเจนประมาณ 100 เมตร รับรองว่าทั้งเสียวทั้งสนุกทั้งคุ้มค่าอย่างแน่นอน

ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงกิจกรรมเล็กๆน้อยๆที่เชียงคานเท่านั้น แต่หากได้มาด้วยตัวเองล่ะก็ จะพบกับสิ่งต่างๆอีกเยอะที่รออยู่ ที่จะสร้างความประทับใจ สร้างความสุขรอยยิ้มกลับบ้านที่ไม่คาดคิดได้แน่ และมั่นใจอย่างมากว่าหากได้มาแล้ว จะต้องกลับมาอีกครั้งไม่วันใดก็วันหนึ่งในอนาคต 100%